เรซูเม่ที่มีประสิทธิภาพ จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณได้นัดสัมภาษณ์งาน โดยเฉพาะงานที่มีเงินเดือนสูง และการแข่งขันที่สูงตามไปด้วย บางคนเชื่อว่าเรซูเม่คือเอกสารที่ใช้แสดงข้อมูล แต่ไม่ใช่เลย มันคือบัตรผ่านที่จะทำให้คุณได้เข้าไปแสดงข้อมูลของคุณในการสัมภาษณ์งานต่างหาก
เรซูเม่ที่ดีจะต้องเป็นเรซูเม่ที่ดึงดูดให้บริษัทสนใจที่จะเรียกคุณเข้าไปสัมภาษณ์งาน นั่นคือแก่นแท้และหน้าที่ของเรซูเม่ที่แท้จริง
คุณรู้ไหมว่าบริษัทจะใช้เวลาเฉลี่ยในการดูเรซูเม่แต่ละใบ ประมาณ 30 วินาทีเท่านั้นเอง
ซึ่งถ้าหากว่าคุณสามารถแสดงความประทับใจให้โดดเด่นสัก 1-2 อย่างขึ้นไปในเรซูเม่ของคุณ มันก็มากเพียงพอแล้วที่จะสร้างโอกาสให้คุณได้เข้าไปสัมภาษณ์งาน ซึ่ง ณ ที่นั่นคุณจะได้พูดคุยลงลึกมากขึ้นเกี่ยวกับตัวคุณได้นาน ครึ่งชั่วโมงขึ้นไปเลยล่ะ
เรซูเม่ที่ดีจึงเป็นเรซูเม่ที่สามารถใช้เวลา 30 วินาทีให้คุ้มค่าที่สุดได้ กล่าวคือเรซูเม่จะต้องสั้น กระชับ ได้ใจความสำคัญครบถ้วน ไม่มีตกหล่น มีการจัดเรียงข้อมูลให้ดีจนอ่านง่าย สแกนหาข้อมูลที่สำคัญได้ง่ายนั่นเอง สิ่งที่ง่ายที่สุดในการสร้างความประทับใจภายในเวลาอันสั้นๆก็คือ การเขียนเป้าหมายในการทำงานให้ดี (Resume Objective) ซึ่งเจ้าเป้าหมายนี้คือการพูดสรุปใจความว่าคุณมีคุณสมบัติอะไรที่เหมาะสมกับตำแหน่งงานนี้ และไม่ใช่แค่คุณจะทำงานได้ แต่คุณจะทำมันได้อย่างดีด้วย
การจัดเรียงข้อมูลในการเขียนเรซูเม่เองก็สำคัญ ให้เริ่มต้นด้วยสิ่งที่สำคัญก่อน ตามลำดับขั้นตอนดังนี้
- ชื่อนามสกุล และข้อมูลติดต่อ
- Resume Objective
- สกิล เทคนิคัลสกิลพิเศษของตัวเอง เช่นภาษาที่พูดได้ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำได้ โดยให้เขียนสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อน และรองลงมาเรื่อยๆ
- ประสบการณ์ทำงาน ย้อนหลังไปไม่เกินสิบปี โดยให้เขียนประสบการณ์ทำงานล่าสุดขึ้นก่อน
- ประวัติการศึกษา ถ้าคุณเรียนจบในระดับมหาวิทยาลัยแล้วล่ะก็ ให้ใส่แค่ประวัติจนถึงวุฒิ ป.ตรีก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ชื่อโรงเรียน หรือแผนการเรียนเลย เพราะว่ามันมีความสำคัญน้อยกว่าประวัติการศึกษาระดับ ป.ตรี มาก
- Certifications ต่างๆที่มี
และให้ใช้การเขียนสรุปด้วยบุลเล็ต แทนที่จะเขียนเป็นย่อหน้ายาวๆ จะทำให้เรซูเม่ของคุณอ่านได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก อย่าลืมว่าเรซูเม่ของคุณจะถูกอ่านในเวลาเพียง 30 วินาทีเท่านั้น ดังนั้นการใส่ข้อมูลที่ยาวเกินไปจะไม่เป็นผลดีแน่นอน
5 วิธีที่จะทำให้เรซูเม่ของคุณน่าสนใจ
1. จั่วหัวให้ดี ดึงความสนใจได้มากกว่าครึ่ง
ยี่สิบคำแรกในเรซูเม่ของคุณถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะดึงความสนใจของผู้อ่าน ให้สนใจและอ่านเรซูเม่ของคุณต่อ เพราะว่า 20 คำแรกนั้นคือสิ่งที่จะสรุปตัวของคุณให้กับผู้อ่านได้ทำความรู้จักได้อย่างรวดเร็ว
โดยข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ จะไม่ถูกนับรวมกันใน 20 คำแรกนี้ เพราะจะถูกข้ามไปก่อน ใช่แล้ว สายตาของ HR คมดั่งเหยี่ยว พวกเขาสามารถเลือกที่จะอ่านข้อมูลที่ตัวเองต้องการได้อย่างทันที ในขณะที่จ้ามสิ่งที่ตัวเองไม่สนใจไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
20 คำแรกนั้นมีค่าประมาณ 1 ย่อหน้า หรือบุลเล็ตพ้อย 2 ข้อด้วยกัน ดังนั้นใช้มันให้ดี เพื่อที่คุณจะได้รับประโยชน์ของมันอย่างเต็มที่
ตัวอย่าง
- "ฉันอยากทำงานที่มั่นคง" เมื่ออ่านเสร็จแล้ว HR ก็เกิดอาการเส้นเลือดขึ้นที่หัว แล้วถามว่า ทำไมคุณไม่ไปรับราชการ… แล้วโยนเรซูเม่ใบนั้นทิ้งไปโดยไม่อ่านต่อ
- "หนูจบบัญชีมา ไม่ชอบเลย อยากลองทำงานนิเทศดูบ้าง" เมื่ออ่านตรงนี้แล้ว HR ก็ตัดสินใจได้ภายใน 1 วินาทีเลยว่า พวกข้ามสาย โดยที่ยังไม่รู้ว่าชอบอันใหม่หรือเปล่า อืม อาจอยู่ได้ไม่กี่อาทิตย์แล้วก็ข้ามไปสายอื่นต่ออีก เสียเวลาแฮะ หาพวกข้ามสายที่มั่นใจดีกว่าว่าตัวเองสนใจจริงๆ แล้วก็โยนทิ้งไปเช่นกัน…
- "ผมมีประสบการณ์ดูแลร้านอาหารมา 3 ปี" HR อ่านเสร็จ เอ้ย ใช่เลย เรากำลังหาผู้จัดการร้านอยู่นี่ คนนี้ต้องอ่านเรซูเม่ของเขาให้ละเอียดเลยนะ
2. ใส่งานอดิเรก (ที่มีประโยชน์)
งานอดิเรกที่มีประโยชน์ และส่งผลโดยตรงกับตำแหน่งงานที่คุณสมัครอยู่ ถือเป้นสิ่งที่มีค่ามากๆในเรซูเม่ เพราะเป็นส่วนช่วยเสริมให้เห็นว่า คุณมีความสามารถในสายงานนี้จริงๆนะ
3. สร้างเรซูเม่ให้ตรงกับตำแหน่งงานที่คุณสมัคร
คนส่วนมากมักจะสร้างเรซูเม่เพียงใบเดียว แล้วส่งสมัครงานมันทุกตำแหน่งที่เปิดรับ ซึ่งในความเป็นจริงมันก็ไม่ผิดหรอก แต่มันก็ไม่ถูกไปซะทีเดียว คุณรู้ไหมว่า HR มากกว่า 1 ใน 3 คน เมื่อเห็นว่าเรซูเม่ที่ส่งมาไม่ได้เข้ากันกับคุณสมบัติของตำแหน่งงานที่เปิดรับ พวกเขาจะโยนทิ้งทันที
แต่คุณเองก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเขียนเรซูเม่ขึ้นมาใหม่ทั้งใบหรอกนะ เพราะคุณสามารถเน้นสกิลบางอย่าง หรือประสบการณ์บางอย่างให้เด่นขึ้นได้ด้วย หรือลบประสบการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องทิ้งไปเลยก็ยังได้
4. เน้นย้ำสายงานของคุณให้ชัดเจน ลงลึก
จะเป็นเรื่องดีมากถ้าหากคุณเน้นย้ำสายงานของคุณให้ชัดเจนไปเลยเสียตั้งแต่ทีแรก บางคนบอกว่าก็เขียนอ้อมๆเอาไว้ทั่วเรซูเม่ไปหมด ยังไม่ชัดพออีกเหรอ แต่ถ้าคุณยังไม่ได้เขียนลงไปชัดๆว่าสายงานของคุณคืออะไร โดยที่ไม่ต้องแปล ล่ะก็ ถือว่ายังไม่พอนะ
ให้คุณทำตามนี้
- ใส่อุตสาหกรรมลงไปด้วย: ท่องเที่ยว, ประกันภัย, ธนาคาร, ไอที ฯลฯ
- ใส่กลุ่มลูกค้าลงไป: คู่ค้า นักจัดซื้อ หรือประชาชนทั่วไป
- ใส่ระดับของกลุ่มลูกค้าลงไปด้วย: หรูหรา หรือสินค้าที่ราคาจับต้องได้
5. เน้นโชว์ความสำเร็จที่ผ่านมา
แทนที่คุณจะเขียนลงไปว่าคุณทำงานอะไรบ้าง ให้คุณลองเปลี่ยนวิธีการเขียนสักนิด แล้วเขียนว่า คุณทำงานของคุณได้สำเร็จอย่างไร คุณนำความสามารถอะไรของคุณมาทำให้งานของคุณดีกว่าของคนอื่นบ้าง ตรงไหน อย่างไร นี่จะทำให้เรซูเม่ของคุณดูโดดเด่นและมีประสิทธิภาพขึ้นได้มากเลย